บริจาค

เห็นว่า..บล็อกนี้ดี มีประโยชน์... โปรดสนับสนุนผู้ทำบล็อกได้ที่ พร้อมเพย์ 083-4616989
หรือบัญชี 002-1-70462-8 กสิกรไทย สาขาบางลำภู

พระพุทธเจ้าภาคปราบ-ภาคมาร


ไปพบกระทู้ที่จะทำให้คนที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นลงนรกกันอีกแล้ว  เลยเอามาวิพากษ์วิจารณ์ไว้ให้เห็นความโง่ของคนพวกนั้น และเพื่อให้เป็นอุทาหรณ์สำหรับคนอื่นๆ ด้วย


ได้อ่านเกี่ยวกับวิชาปราบมาร พระพุทธเจ้าภาคปราบ จะต้องต้องรบกับ มาร(พระพุทธเจ้าภาคดำ อยากสอบถาม คือสงสัยจริงๆ

-ทำไมต้องสู้รบกันครับ ต่างฝ่ายต่างอยู่ เป็นเพื่อนกัน ปรองดองกันไม่ได้เลยหรือ เอาแต่แง่ของตัว  เป็นถึงพระพุทธเจ้ากันทั้งสองภาค(เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย)

-เอาอะไรมาเป็นอาวุธในการสู้รบกัน เช่น ดาบ  เคล็ดวิชา พลังยุทธ์ ๆลๆ

-เวลาสู้กันนี้ จะเกิดอุปกิเลส โทสะ เกิดขึ้นบ้างหรือป่าว งง (ตอนสวดมนต์ ก็สวดว่า พระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง)

-สู้กันแล้ว ใครมีโอกาสชนะมากกว่ากัน เกิดมีแพ้ชนะกันเกิดขึ้น บาดเจ็บล้มตาย กันบ้างหรือป่าว ผู้แพ้ไปอยู่ใหน ผู้ชนะทำอย่างไร

-ผมและท่านควรทำอย่างไร ในมหาสงครามนี้

ปล.ไม่ได้มีเจตนาจะก้าวล่วงดูหมิ่นความเชื่อใคร แต่อยากทราบ คำตอบพร้อมเหตุผลในแต่ละข้อที่สงสัยครับ

คนที่ถามนั้น เขาเคยบวชวัดพระธรรมกาย ได้รับความรู้มาบางส่วน จึงมาถามเพื่อให้คนอื่นลงนรกไปด้วย  เขาเขียนไว้ดังนี้

ส่วนตัวผมเคยบวชวัดธรรมกาย ที่เขาจัดบวชฟรี ก็ได้อะไรดีๆกลับมาเยอะแยะ ครับ แต่ผมสงสัย งง คำสอนเรื่อง มาร พุทธภาค ขาว - ดำ ภาคปราบ เท่านั้นครับ

ปัจจุบันผม กำหนด พุทโธ อย่างเดียว

คนที่เข้าไปให้ความคิดเห็นนั้น ส่วนใหญ่จะด่าผสมโรงเข้าไปด้วย  พวกนี้ นอกจากโง่แล้ว ความโง่ของตัวเองยังพาให้ตกนรกไปด้วย

ขอกล่าวในแง่องค์ความรู้กันก่อน 

โดยปกติแล้ว องค์ความรู้ที่อยู่ในตัวของคนแต่ละคนนั้น มีไม่มากนัก  ยิ่งการศึกษาน้อยก็ยิ่งน้อยไปด้วย  ถึงจะมีการศึกษาที่มากขึ้น แต่จะศึกษาในหัวข้อที่แคบลง  ความรู้ของโลกในหลายๆ เรื่อง เราจึง “ไม่เข้าใจ”  แต่ก็ “รับรู้” ไว้

ขอยกตัวอย่างข้อความด้านล่างนี้ เอามาจากที่นี่ http://www.scimath.org/socialnetwork/groups/viewgroup/516

นักวิทยาศาสตร์จาก EPFL ได้สามารถบันทึกภาพของแสงซึ่งมีทั้งคลื่นและอนุภาพได้ในเวลาเดียวกัน งานวิจัยที่ยิ่งใหญ่ชิ้นนี้ได้ถูกตีพิมพ์ในวารสาร Nature Communications  ทีมวิจัยนำโดย Fabrizio Carbone จาก EPFL ได้ทำการดำเนินการทดลอง โดยการใช้อิเล็กตรอนในการถ่ายภาพแสง พวกเขาได้ทำการเก็บภาพของแสงเป็นครั้งแรก

การทดลองนี้เริ่มจากการปล่อยลำแสงเลเซอร์ไปยังสายไฟโลหะขนาดระดับนาโน  ลำแสงเลเซอร์นี้จะไปเพิ่มพลังงานให้กับอนุภาคที่มีประจุในสายไฟ ทำให้อนุภาคเหล่านั้นเกิดการสั่น

แสงเดินทางตามสายไฟขนาดเล็กนี้ในสองทิศทางที่เป็นไปได้ เสมือนกับรถที่เดินทางบนถนนทั้งขาไปและขากลับ เมื่อคลื่นแสงเดินทางในทิศทางตรงกันข้ามมาเจอกัน จะก่อให้เกิดคลื่นใหม่ซึ่งเรียกว่า คลื่นนิ่ง (standing wave) คือคลื่นที่ไม่เคลื่อนที่ และคลื่นนิ่งซึ่งแผ่รังสีไปรอบรอบสายไฟนี้จะกลายเป็นแหล่งกำเนิดแสงสำหรับการทดลอง

ทีมนักวิจัยได้ทำการยิงลำอิเล็กตรอนไปใกล้กับสายไฟ และใช้มันสำหรับการถ่ายภาพคลื่นนิ่งของลำแสงนั้น เมื่ออิเล็กตรอนเกิดปฏิกิริยากับลำแสงที่กำลังแผ่มาจากสายไฟนั้น พวกมันจะถูกทำให้เร็วขึ้นหรือช้าลง ด้วยการใช้กล้องจุลทรรศน์ความเร็วสูงในการถ่ายภาพบริเวณที่มีการเปลี่ยนแปลงของความเร็วของอิเล็กตรอนนี้ เหล่านักวิจัยก็สามารถสร้างภาพและมองเห็นคลื่นแสงได้ ซึ่งทำหน้าที่คล้ายลายนิ้วมือของคลื่นแสงตามธรรมชาติ

ในขณะที่ปรากฏการณ์นี้แสดงให้เห็นถึงธรรมชาติของคลื่นแสง มันก็แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมด้านอนุภาคของแสงในเวลาเดียวกันด้วย เมื่ออิเล็กตรอนเคลื่อนที่เข้าใกล้คลื่นนิ่งของแสงในสายไฟ พวกมันจะกระทบกับอนุภาคของแสงนั่นคือ โฟตอน อย่างที่ได้กล่าวไปข้างต้น สิ่งนี้เองจะส่งผลกระทบต่อความเร็วของอิเล็กตรอน ทำให้มันเคลื่อนที่เร็วขึ้นหรือช้าลงนั่นเอง

การเปลี่ยนแปลงของความเร็วนี้ปรากฏอยู่ในรูปของการแลกเปลี่ยนของพลังงาน “กลุ่ม (packets) หรือควอนตา (quanta)” ระหว่างอิเล็กตรอนและโฟตอน การเกิดขึ้นของพลังงาน packets นี้เองที่แสดงให้เห็นว่า แสงในสายไฟนั้นมีพฤติกรรมเหมือนอนุภาค

ผมถามจริงๆ ว่า มีใครบ้างอ่านแล้ว “เข้าใจ” แบบทะลุปรุโปร่ง ไม่มีข้อสงสัยใดๆ เลย   ตอบเองก็ได้เลยว่า มีน้อยมาก ต้องเป็นนักฟิสิกส์ที่ศึกษาเรื่องนี้โดยตรงเท่านั้น

พวกอย่างเราๆ อ่านแล้วก็รับรู้เพียงว่า “แสงเป็นคลื่นก็ได้ เป็นอนุภาคก็ได้” เท่านั้น

ในเรื่องพระพุทธเจ้าภาคขาว ภาคดำ และภาคเป็นกลางนี่ก็เป็นเรื่องในทำนองเดียวกัน  คือ เป็นเรื่องการปฏิบัติธรรมจริงๆ เป็นเรื่องที่จะต้องศึกษากันแบบเจาะลึกจริง

พวกที่เข้าไปอ่านในเว็บบอร์ดต่างๆ เหล่านั้น  มันมีความรู้พื้นฐานในระดับไหน  ส่วนใหญ่แล้ว ไม่ปฏิบัติธรรม  พวกที่ปฏิบัติธรรมก็ปฏิบัติแบบเละๆ เทะๆ ไปเรื่อย  ไม่มีความรู้จริง

ในเมื่อไม่มีความรู้ แต่เสือกวิพากษ์วิจารณ์ มันก็ฉิบหายวายป่วงเท่านั้น 

เรื่องศาสนา ไม่ใช่วิทยาศาสตร์  เรื่องวิทยาศาสตร์นั้น เข้าใจผิด มันก็คือ เข้าใจผิด ไม่ส่งผลเสียอะไรมากนัก  ถึงแม้จะอารมณ์ขึ้นด่าเข้าไปบ้างก็ตาม

แต่ในเรื่องศาสนานั้น  เข้าใจผิด ไม่เชื่อในสิ่งที่ถูกต้อง ก็มีกรรมหนักแล้ว ยังเสือกด่าเข้าไปอีก ก็ฉิบหายวายป่วงไปกันใหญ่

มีคนที่จะพยายามอธิบายให้สอดคล้องกับวิทยาศาสตร์ ดังนี้

มรรคาขาว ก็คือ กุศลกรรม  มรรคาดำ ก็คือ อกุศลกรรม  มีในพระไตรปิกกชัดเจน  เรียกง่ายๆว่า ภาคขาว ภาคดำ

การปราบก็คือวิชชารบทางจิต ปกติ คนๆนึง บางทีทำดี บางทีทำชั่ว บางครั้งก็ไม่ดีไม่ชั่ว ในแต่ละวัน ก็ทำกุศล อกุศล

การปราบก็คือ การควบคุมไม่ให้จิต ตกไปอยู่ฝ่ายอกุศลกรรม  เครื่องมือในการรบก็คือ บุญ และการทำความดี หรือบารมี

คนๆ นี้ ก็ไม่รอดเช่นเดียวกัน การพยายามอธิบายแบบนี้ ทำให้คนอ่านเข้าใจผิดในเรื่องการปราบมาร มันก็ไม่ช่วยให้ขึ้นสวรรค์แต่อย่างใด

คำถามดังกล่าว ผมจะตอบดังนี้

-ทำไมต้องสู้รบกันครับ ต่างฝ่ายต่างอยู่ เป็นเพื่อนกัน ปรองดองกันไม่ได้เลยหรือ เอาแต่แง่ของตัว  เป็นถึงพระพุทธเจ้ากันทั้งสองภาค (เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย)

เรื่องนี้ เป็นธรรมชาติของโลก ของจักรวาลมานานแล้ว ก่อนที่โลกใบนี้จะเกิดมาเสียด้วยซ้ำ พระพุทธเจ้ามี 3 ภาค คือ ภาคขาว ภาคกลาง ภาคดำ หรือ ภาคพระ ภาคกลาง ภาคมาร 

พระพุทธเจ้าภาคขาวกับภาคดำ เขารับกันมานานแล้ว  ภาคกลางนั้น ใครได้เปรียบก็ไปเข้าข้างนั้น 

ในตัวของเรานั้น พระพุทธเจ้าทั้ง 3 ฝ่ายก็เขามายุ่งตลอดเวลา เหมือนการเล่นเก้าอี้ดนตรี  ถ้าพุทธเจ้าภาคขาวกำกับเรา เราก็อยากทำบุญ ถือศีล ภาวนา  ถ้าพุทธเจ้าภาคมาร กำกับเรา เราก็อยากจะทำความชั่ว

จะเห็นว่า เรื่องพระพุทธเจ้า 3 ภาคนี้ อธิบายการทำบุญ ทำบาปของเราได้อย่างดี ไม่มีใครอธิบายได้อย่างนี้

-เอาอะไรมาเป็นอาวุธในการสู้รบกัน เช่น ดาบ  เคล็ดวิชา พลังยุทธ์ ๆลๆ

เขาใช้ บุญ บารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ อำนาจ สิทธิเฉียบขาดเข้ามารบกัน อาวุธก็มี เช่น จักรแก้ว เป็นต้น  ต้องไปอ่านหนังสือปราบมาร ทั้ง 6 ภาค ของคุณลุงการุณย์ บุญมานุชเอาเอง

-เวลาสู้กันนี้ จะเกิดอุปกิเลส โทสะ เกิดขึ้นบ้างหรือป่าว งง (ตอนสวดมนต์ ก็สวดว่า พระพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ดับเพลิงกิเลสเพลิงทุกข์สิ้นเชิง)

การสู้กัน ไม่เกี่ยวกับกิเลส  ต้องใช้ บุญ บารมี รัศมี กำลัง ฤทธิ์ อำนาจ สิทธิเฉียบขาด เข้ารบกัน อย่างที่กล่าวไปแล้วข้างต้น

-สู้กันแล้ว ใครมีโอกาสชนะมากกว่ากัน เกิดมีแพ้ชนะกันเกิดขึ้น บาดเจ็บล้มตาย กันบ้างหรือป่าว ผู้แพ้ไปอยู่ไหน ผู้ชนะทำอย่างไร

เมื่อก่อนภาคมารได้เปรียบ แต่ยุคนี้ภาคพระได้เปรียบ  การล้มตายมี แต่ไม่ใช่ตายแบบในโลกมนุษย์นี้

-ผมและท่านควรทำอย่างไร ในมหาสงครามนี้

ผมได้เข้าร่วมรบกับธรรมะภาคขาว โดยช่วยคุณการุณย์ บุญมานุชทำงาน  ส่วน “ท่าน” ก็แล้วแต่จะคิดเอาเองก็แล้วกัน






2 ความคิดเห็น:

  1. นรก นี้ ก็แสดง ว่าภาค มารได้รับ พลัง จากที่นั่น ด้วยหรอ ครับ หรือ เป็นสถานที่ ของ ภาคมารรึเปล่า

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. อะไรที่ไม่ใช่งานบุญ มารเขาได้รับบารมี การเกิดสงคราม เดือดร้อนไปทั่ว มารเขาจะได้รับบารมี นรกก็เป็นที่ที่มารได้บารมีอีกแห่งหนึ่ง

      เมื่อตกไปแล้ว ก็จะโดนโทษมากขึ้นกว่าโทษปกติ

      ลบ